แทงบอลลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล (Liverpool) เป็นสโมสรฟุตบอลชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 1892 และมีสนามเหย้าชื่อ แอนฟิลด์ (Anfield) ตั้งอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล สนามแห่งนี้มีความจุผู้ชม 54,074 ที่นั่ง และใช้พื้นสนามแบบหญ้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสนามที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันทรงพลัง โดยมีคำขวัญ This is Anfield ที่สร้างแรงกดดันต่อคู่แข่งมาตลอดหลายทศวรรษ

ตลอดประวัติศาสตร์ของสโมสร ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในประเทศและเวทียุโรป ด้วยสไตล์การเล่นเกมรุกที่ดุดันและเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับตำนาน เช่น เคนนี่ ดัลกลิช, สตีเว่น เจอร์ราร์ด รวมถึงซูเปอร์สตาร์ยุคปัจจุบันอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปัจจุบัน ทีมยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากแฟนบอลทั่วโลก และเป็นทีมที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดในตลาดเดิมพันฟุตบอล เนื่องจากมีข้อมูลสถิติและฟอร์มการแข่งขันให้วิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง การรู้จักพื้นฐานของทีมจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับนักเดิมพันที่ต้องการวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ

การแทงบอลกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) มีหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักเดิมพันทั้งมือใหม่และมืออาชีพ การเลือกประเภทที่เหมาะสมช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและทำให้การดูบอลสนุกยิ่งขึ้น โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นและวิธีการเล่นดังนี้

1. แทงบอลเดี่ยว (Single Bet)

คือการวางเดิมพันเพียงคู่เดียวในหนึ่งบิล เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงและวิเคราะห์แมตช์อย่างละเอียด ตัวอย่างเช่น เลือกแทงบอล ลิเวอร์พูลชนะ ในเกมพรีเมียร์ลีกหนึ่งนัด โดยใช้สถิติการพบกันและฟอร์มปัจจุบันประกอบการตัดสินใจ

ตัวอย่าง:
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2025/26 ลิเวอร์พูลเปิดบ้านชนะบอร์นมัธ 2–0 หากแทงเดี่ยวฝั่งลิเวอร์พูลชนะ จะชนะเดิมพันเต็ม

2. แทงบอลสเต็ป (Mix Parlay)

คือการวางเดิมพันหลายคู่ในบิลเดียว เพื่อเพิ่มอัตราจ่าย แต่ต้องทายถูกทั้งหมดจึงจะชนะ เหมาะกับผู้ที่มั่นใจในหลายคู่แข่งขัน

ตัวอย่าง:
เลือก ลิเวอร์พูลชนะคริสตัล พาเลซ + แมนฯ ซิตี้ชนะเชลซี + อาร์เซน่อลชนะนิวคาสเซิล หากทั้ง 3 คู่ผลออกตรงตามที่เลือก จะได้กำไรทวีคูณ

3. แทงบอลสูง–ต่ำ (Over/Under)

คือการทายผลรวมประตูของทั้งสองทีมว่าจะมากกว่า (สูง) หรือน้อยกว่า (ต่ำ) ราคากลางที่กำหนด เช่น 2.5 ประตู ถ้าลิเวอร์พูลบุกหนักและฟอร์มรุกดี อาจเลือก สูง แต่ถ้าเจอทีมที่เน้นเกมรับเหนียวแน่นอาจเลือก ต่ำ

ตัวอย่าง:
แมตช์ ลิเวอร์พูลชนะสเปอร์ส 3–1 รวมทั้งหมด 4 ประตู ถ้าราคากลางตั้งไว้ที่ 2.5 การเลือก สูง จะชนะเดิมพัน

4. แทงบอล 1X2 (แพ้–ชนะ–เสมอ)

คือการทายผลว่าทีมเจ้าบ้านชนะ (1), เสมอ (X) หรือทีมเยือนชนะ (2) โดยไม่ต้องสนใจแต้มต่อ เหมาะกับแมตช์ที่คาดว่าผลลัพธ์ชัดเจน

ตัวอย่าง:
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ลิเวอร์พูล (เจ้าบ้าน) ชนะบาร์เซโลน่า 2–1 หากเลือก 1 (เจ้าบ้านชนะ) จะชนะเดิมพันเต็ม

5. แทงบอลครึ่งแรก/เต็มเวลา

คือการทายผลเฉพาะครึ่งแรก หรือผลเต็มเวลา เช่น เลือกลิเวอร์พูลนำในครึ่งแรกและชนะเต็มเวลา เหมาะกับเกมที่ทีมมักยิงเร็วหรือครองเกมต่อเนื่อง

ตัวอย่าง:
แมตช์ลิเวอร์พูลเจอนิวคาสเซิล ครึ่งแรกนำ 1–0 และจบเกมชนะ 3–1 หากเลือก ครึ่งแรกชนะ – เต็มเวลาชนะ จะชนะเดิมพันเต็ม

6. แทงบอลสด (Live Bet)

คือการวางเดิมพันระหว่างการแข่งขัน โดยราคาจะเปลี่ยนตามสถานการณ์จริงในสนาม เหมาะกับคนที่อ่านเกมได้แม่น

ตัวอย่าง:
เกมกับเวสต์แฮม นาทีที่ 30 สกอร์ 0–0 แต่ลิเวอร์พูลครองบอล 65% และบุกต่อเนื่อง หากเลือกต่อสด -0.5 และครึ่งแรกจบด้วยลิเวอร์พูลนำ 1–0 จะชนะเดิมพัน

7. แทงบอลคู่/คี่ (Odd/Even)

คือการทายว่าผลรวมประตูจะออกมาเป็นเลขคู่หรือเลขคี่ เหมาะกับแมตช์ที่คาดเดาผู้ชนะยาก แต่พอเดาจำนวนประตูได้

ตัวอย่าง:
แมตช์ลิเวอร์พูลชนะเลสเตอร์ 4–1 รวม 5 ประตู เป็นเลขคี่ หากเลือก คี่ จะชนะเดิมพันเต็ม

8. การเดิมพันพิเศษ (Corners, Cards, Player Props)

คือการเดิมพันเหตุการณ์เฉพาะในเกม เช่น จำนวนลูกเตะมุม ใบเหลือง–ใบแดง หรือผู้เล่นที่ทำประตู เหมาะกับผู้ที่วิเคราะห์เชิงลึก

• เดิมพันว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะทำประตูแรกในเกมกับเอฟเวอร์ตัน — ถ้าเขายิงนำ 1–0 นาทีที่ 20 → ชนะเดิมพัน
• เดิมพันจำนวนใบเหลืองสูงกว่า 4.5 ในเกมพบแมนฯ ซิตี้ — ถ้ามีใบเหลืองรวม 6 ใบ → ชนะเดิมพัน
• เดิมพันลูกเตะมุมรวมสูงกว่า 10.5 ในเกมกับไบรท์ตัน — ถ้าจบเกมมี 12 ลูกเตะมุม → ชนะเดิมพัน

แทงบอลผลแพ้–ชนะของทีม (1X2)

การแทงบอลผลแพ้–ชนะ หรือ 1X2 คือการเดิมพันว่าทีมใดจะเป็นผู้ชนะ หรือผลจะออกมาเสมอเมื่อจบเต็มเวลา สำหรับแฟนลิเวอร์พูล รูปแบบนี้เล่นง่าย ไม่ซับซ้อน

• 1 = ลิเวอร์พูลชนะ (เมื่อเป็นเจ้าบ้าน)
• X = เสมอ
• 2 = ทีมคู่แข่งชนะ (ลิเวอร์พูลแพ้)

ตัวอย่าง: หากลิเวอร์พูลเปิดบ้านพบทีมอันดับต่ำกว่า การเลือก 1 มักเป็นตัวเลือกยอดนิยมเพราะโอกาสชนะสูง โดยไม่ต้องคำนวณแต้มต่อ — เพียงวิเคราะห์ฟอร์มล่าสุด สถิติการพบกัน และความพร้อมของผู้เล่น

แทงบอลสูง–ต่ำตามสถิติยิงประตู

การแทงบอลสูง–ต่ำ (Over/Under) คือการทายว่าจำนวนประตูรวมของทั้งสองทีมในแมตช์จะมากกว่าหรือน้อยกว่าราคากลางที่เจ้ามือตั้ง เช่น 2.5 หรือ 3.0 ประตู สำหรับ ลิเวอร์พูล สถิติการยิงประตูเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยวิเคราะห์ตลาดนี้ได้อย่างแม่นยำ

วิเคราะห์จากสถิติจริง

ในฤดูกาล 2025/26 ลิเวอร์พูลออกสตาร์ทได้ร้อนแรง ชนะรวด 5 นัด ยิงได้ 11 ประตู และเสีย 5 ประตู คิดเป็นค่าเฉลี่ย 2.2 ประตูต่อเกม ข้อมูลนี้สะท้อนว่าทีมมีศักยภาพเกมรุกสูงและมีโอกาสทำประตูเกินกว่า 2 ลูกต่อเกมอยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นสัญญาณที่สนับสนุนการพิจารณาเลือกเล่น สูง ในหลายแมตช์

แทงบอลสดเพื่อปรับกลยุทธ์

การแทงบอลสด (Live Betting) คือการวางเดิมพันระหว่างที่การแข่งขันกำลังดำเนินอยู่ โดยราคาบอลและค่าน้ำจะปรับขึ้นลงแบบเรียลไทม์ตามสถานการณ์ในสนาม สำหรับ ลิเวอร์พูล การเลือกแทงบอลสดช่วยให้ผู้เล่นปรับกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น เพราะทีมมักครองเกมและสร้างโอกาสได้ต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น หากลิเวอร์พูลครองบอลเหนือกว่า บุกกดดันต่อเนื่อง และมีโอกาสยิงหลายครั้งในช่วง 20 นาทีแรก ราคาต่ออาจขยับขึ้น เหมาะกับการเลือก ต่อ หรือ เล่นสูง ในทางกลับกัน หากลิเวอร์พูลเล่นตั้งรับมากกว่าปกติ หรือถูกคู่แข่งบุกกดดัน อาจพิจารณาเลือกฝั่ง รอง หรือ เล่นต่ำ เพื่อจำกัดความเสี่ยง

แทงบอลสดตามสถานการณ์ทีม

การแทงบอลสด (Live Betting) คือการเดิมพันระหว่างที่เกมกำลังแข่งขันจริง โดยราคาบอลและค่าน้ำจะเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ตามสถานการณ์ในสนาม สำหรับ ลิเวอร์พูล การเล่นบอลสดถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักเดิมพันปรับการตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น เพราะทีมมักเป็นฝ่ายครองเกมและสร้างโอกาสได้ต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น หากลิเวอร์พูลครองบอลเหนือกว่า เปิดเกมรุกกดดัน และมีโอกาสยิงหลายครั้งตั้งแต่ 20 นาทีแรก ราคาต่อมักปรับสูงขึ้น เหมาะกับการเลือกแทง ต่อ หรือ เล่นสูง แต่ถ้าลิเวอร์พูลเน้นตั้งรับ หรือถูกคู่แข่งบุกใส่มากกว่า การเลือกฝั่ง รอง หรือ เล่นต่ำ จะช่วยจำกัดความเสี่ยงได้ดีกว่า

การเดิมพันพิเศษ (จำนวนประตู, ผู้ทำประตูแรก, ใบเหลือง–ใบแดง)

การเดิมพันพิเศษคือการวางเดิมพันในเหตุการณ์เฉพาะภายในแมตช์ ที่ไม่จำเป็นต้องทายผลแพ้–ชนะ โดยในเกมของ ลิเวอร์พูล ตัวเลือกยอดนิยม ได้แก่:

จำนวนประตู (Total Goals):
ทายว่าจำนวนประตูรวมของทั้งสองทีมจะอยู่ในช่วงที่กำหนด เช่น 0–1, 2–3 หรือ 4 ประตูขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่วิเคราะห์สถิติการยิงประตูได้แม่นยำ (ฤดูกาล 2025/26 ลิเวอร์พูลยิงได้เฉลี่ย 2.2 ประตูต่อเกม)

ผู้ทำประตูแรก (First Goalscorer):
เลือกนักเตะที่คาดว่าจะยิงประตูแรกในเกม เช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี้ กัคโป หรือ ดิโอโก้ โชต้า — หากผู้เล่นเหล่านี้อยู่ในฟอร์มที่ดี โอกาสชนะเดิมพันก็สูง

ใบเหลือง–ใบแดง (Cards Betting):
ทายจำนวนใบเหลืองหรือใบแดงที่จะเกิดขึ้น เหมาะกับแมตช์บิ๊กเกม เช่น ลิเวอร์พูลพบแมนฯ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูลพบแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมักมีจังหวะฟาวล์หนักและโอกาสเกิดใบเหลือง–ใบแดงสูง

ในวันที่ 17.08.2025 เวลา 15:30 ที่สนาม Anfield เมือง Liverpool ทีม ลิเวอร์พูล ลงสนามพบกับ Manchester City จบเกมด้วยสกอร์ 2–1 (ครึ่งแรก: 1–0)

แผนการเล่น: ลิเวอร์พูลใช้ระบบ 4-3-3 โดยมี 11 ผู้เล่นตัวจริงคือ Alisson Becker, Trent Alexander-Arnold, Virgil van Dijk, Ibrahima Konaté, Andrew Robertson, Alexis Mac Allister, Dominik Szoboszlai, Ryan Gravenberch, Mohamed Salah, Darwin Núñez, Luis Díaz ขณะที่ Manchester City ใช้ระบบ 4-2-3-1 และส่ง Ederson, Kyle Walker, Rúben Dias, Joško Gvardiol, Nathan Aké, Rodri, Kevin De Bruyne, Bernardo Silva, Phil Foden, Jérémy Doku, Erling Haaland ลงสนาม

จังหวะสำคัญ: ในนัดนี้ ลิเวอร์พูลได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 34 จากการยิงของ Mohamed Salah ก่อนจะหนีห่างเป็น 2–0 ในนาทีที่ 62 จาก Darwin Núñez อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ประตูตีไข่แตกในนาทีที่ 75 จาก Erling Haaland ทำให้สกอร์ไล่มาเป็น 2–1

ระหว่างเกม ลิเวอร์พูลมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นสำคัญหลายครั้ง โดยนาทีที่ 70 ส่ง Cody Gakpo ลงมาแทน Luis Díaz, นาทีที่ 78 ส่ง Wataru Endo ลงมาแทน Dominik Szoboszlai และนาทีที่ 85 ส่ง Joe Gomez ลงมาแทน Trent Alexander-Arnold ซึ่งช่วยเพิ่มความสดใหม่และปรับสมดุลเกมในช่วงท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แท็กติกและโค้ช: ภายใต้การคุมทีมของ Arne Slot ลิเวอร์พูลพยายามเปิดเกมรุกกดดันคู่แข่งตั้งแต่ต้น ขณะที่ฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของ Pep Guardiola วางแผนคุมจังหวะเกมกลางสนาม แต่การโจมตีของลิเวอร์พูลที่ใช้ความเร็วริมเส้นและการเข้าทำของ Salah–Núñez สร้างความแตกต่างได้ชัดเจน

ฟอร์มล่าสุด 5 นัดหลังสุด

ในวันที่ 17.08.2025 เวลา 15:30 ที่สนาม Anfield เมือง ลิเวอร์พูล ทีม Liverpool เปิดบ้านพบกับ Manchester City จบเกมด้วยสกอร์ 2–1 โดยมีประตูจาก Mohamed Salah (นาทีที่ 34), Darwin Núñez (นาทีที่ 62) และ Erling Haaland (นาทีที่ 75) ทีมเจ้าบ้านใช้แผน 4-3-3 และส่งผู้เล่นตัวจริงคือ Alisson Becker, Trent Alexander-Arnold, Virgil van Dijk, Ibrahima Konaté, Andrew Robertson, Alexis Mac Allister, Dominik Szoboszlai, Ryan Gravenberch, Mohamed Salah, Darwin Núñez และ Luis Díaz ขณะที่ทีมเยือนใช้แผน 4-2-3-1 ผู้เล่นตัวจริงได้แก่ Ederson, Kyle Walker, Rúben Dias, Joško Gvardiol, Nathan Aké, Rodri, Kevin De Bruyne, Bernardo Silva, Phil Foden, Jérémy Doku และ Erling Haaland ทั้งสองฝ่ายมีการเปลี่ยนตัวสำคัญ เช่น Cody Gakpo แทน Luis Díaz ในนาทีที่ 70, Wataru Endo แทน Dominik Szoboszlai ในนาทีที่ 78 และ Joe Gomez แทน Trent Alexander-Arnold ในนาทีที่ 85 เกมนี้อยู่ภายใต้การคุมทีมของ Arne Slot และ Pep Guardiola ทำหน้าที่ผู้ตัดสินโดย Simon Hooper

สถิติการเจอกับคู่แข่งสำคัญ (Head-to-Head)

ในการพบกันกับ Bournemouth FC ทั้งหมด 1 นัด ลิเวอร์พูลชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงได้ 4 เสีย 2 นัดล่าสุดวันที่ 15.08.2025 เวลา 15:00 ที่สนาม Anfield เมือง Liverpool จบด้วยสกอร์ 4–2

ผู้เล่นตัวจริง–ตัวสำรองที่มีผลต่อราคาบอล

สิ่งแรกที่นักเดิมพันควรจับตาก่อนการวางเดิมพันคือ รายชื่อผู้เล่นตัวจริง เพราะกำลังหลักของทีมมักเป็นตัวกำหนดทิศทางของราคาบอลทันที หากดาวยิงหรือผู้รักษาประตูมือหนึ่งถูกส่งลงสนาม ราคาฝั่งนั้นมักถูกกดค่าน้ำลง เนื่องจากความมั่นใจในผลการแข่งขันสูงขึ้น แต่หากไม่มีผู้เล่นตัวหลัก ราคาบอลมักปรับสูงขึ้นเพราะทีมเสียความได้เปรียบ

นอกจากตัวจริงแล้ว ผู้เล่นบนม้านั่งสำรอง ก็มีความหมายไม่น้อย หากทีมมีตัวเปลี่ยนเกมหรือซูเปอร์ซับอยู่ในรายชื่อ ราคาบอลจะคงที่มากกว่าเพราะยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ แต่ถ้าทีมขาดผู้เล่นสำรองที่ทดแทนได้ดี ตลาดเดิมพันมักสะท้อนด้วยราคาที่ไหลขึ้นเพราะความเสี่ยงสูงกว่า

ด้วยเหตุนี้ การติดตามรายชื่อทั้งตัวจริงและตัวสำรองตั้งแต่ก่อนประกาศ ไปจนถึงช่วงที่มีการอัปเดตราคาหลังประกาศ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักเดิมพันตัดสินใจได้แม่นยำ และสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดได้จริง

ผลกระทบจากการบาดเจ็บและโทษแบน

สำหรับโลกของการเดิมพันฟุตบอล เรื่องอาการบาดเจ็บและโทษแบนของนักเตะถือเป็นปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะสามารถพลิกสมดุลของทีมและทำให้ราคาบอลเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะกับสโมสรใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล การหายไปของผู้เล่นตัวหลักแม้เพียงคนเดียว ก็เพียงพอที่จะส่งผลต่อศักยภาพในสนามและความมั่นใจของนักเดิมพันอย่างชัดเจน

ผลกระทบต่อราคาบอลจากการขาดผู้เล่นหลัก

เกมรุกขาดความเฉียบคม
หากกองหน้าตัวเก่งหรือเพลย์เมกเกอร์อย่าง Mohamed Salah หรือ Darwin Núñez ไม่สามารถลงสนามได้ โอกาสทำประตูของทีมจะลดลง ส่งผลให้ราคาต่อรองมักถูกปรับลดลง และตลาดสูง/ต่ำก็จะตั้งค่ากลางต่ำลง เช่น จาก 3.0 เหลือ 2.5 ประตู

เกมรับไม่เหนียวแน่น
การขาดกองหลังหลักอย่าง Virgil van Dijk หรือ Ibrahima Konaté อาจทำให้ทีมเสียประตูได้ง่ายขึ้น ราคาต่อรองฝั่งลิเวอร์พูลจะลดลง และตลาดสูง/ต่ำมักถูกปรับสูงขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะมีจำนวนประตูรวมมากขึ้น

ผู้รักษาประตูมือหนึ่งไม่พร้อมลงสนาม
หาก Alisson Becker ได้รับบาดเจ็บหรือถูกแบน ราคาต่อของลิเวอร์พูลอาจลดลงทันที 0.25–0.5 ลูก เพราะแนวรับจะขาดความมั่นใจและมีความเสี่ยงในการเสียประตูมากขึ้น

ขาดผู้เล่นหลายตำแหน่งพร้อมกัน
ในกรณีที่ลิเวอร์พูลมีผู้เล่นบาดเจ็บหรือถูกแบนหลายตำแหน่ง ความสมดุลของทีมจะเสียไปอย่างมาก สถานการณ์นี้บางครั้งอาจทำให้ลิเวอร์พูลจากทีมต่อ กลายเป็นทีมรองในตลาดเดิมพันได้เลยทีเดียว

1. Mohamed Salah (โมฮาเหม็ด ซาลาห์) – กองหน้า
   ดาวยิงตัวเก่งชาวอียิปต์ที่เป็นหัวใจในเกมรุก ลิเวอร์พูลมักพึ่งพาความเร็ว การเลี้ยงกินตัว และการจบสกอร์ที่เฉียบคม สถิติการทำประตูของซาลาห์ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้คู่แข่งต้องจับตาเสมอ
2. Darwin Núñez (ดาร์วิน นูเญซ) – กองหน้า
   กองหน้าชาวอุรุกวัยที่มีสไตล์การเล่นดุดันและยิงประตูได้หลากหลายสถานการณ์ การเข้าทำที่รวดเร็วและการหาช่องยิงในกรอบเขตโทษทำให้เขาเป็นอาวุธสำคัญเคียงข้างซาลาห์
3. Virgil van Dijk (เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค) – กองหลัง
   กัปตันทีมและหัวใจเกมรับ ความแข็งแกร่ง ลูกกลางอากาศ และการอ่านเกมที่แม่นยำของเขาคือสิ่งที่ทำให้แนวรับลิเวอร์พูลมีความมั่นคง
4. Alisson Becker (อลิสซง เบ็คเกอร์) – ผู้รักษาประตู
   มือกาวชาวบราซิลที่ขึ้นชื่อเรื่องการเซฟสำคัญและความนิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดัน การมีอลิสซงอยู่ในสนามช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ทั้งแนวรับและทีมโดยรวม
5. Dominik Szoboszlai (โดมินิค โซบอสไล) – กองกลาง
   เพลย์เมกเกอร์ชาวฮังการีที่มีวิสัยทัศน์การจ่ายบอลยอดเยี่ยม สามารถสร้างสรรค์โอกาสจากแดนกลางและยิงไกลได้ดี
6. Trent Alexander-Arnold (เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์) – แบ็กขวา
   จุดเด่นอยู่ที่การเปิดบอลแม่นยำและการสร้างสรรค์เกมรุกจากริมเส้น นอกจากการเล่นเกมรับแล้ว ยังมีบทบาทคล้ายกองกลางเมื่อลิเวอร์พูลครองเกมบุก

กองหน้าตัวเก่งและอัตรายิงประตู

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah)

• ตำแหน่ง: ปีกขวา / กองหน้าตัวรุก
• จุดเด่น: ความเร็วสูง เลี้ยงกินตัวเก่ง และจบสกอร์เฉียบคม โดยเฉพาะการยิงด้วยซ้ายที่เป็นเครื่องหมายการค้า
• อัตราการยิง: ยิงเฉลี่ยมากกว่า 20 ประตูต่อฤดูกาล ติดต่อกันหลายปี (ฤดูกาล 2022/23 ยิงรวม 30 ประตูในทุกรายการ)
• ผลต่อราคาบอล: หากซาลาห์ลงสนาม ราคาต่อของลิเวอร์พูลมักสูงขึ้นเพราะโอกาสทำประตูเพิ่มอย่างชัดเจน

ดาร์วิน นูเญซ (Darwin Núñez)

• ตำแหน่ง: กองหน้าตัวเป้า
• จุดเด่น: แข็งแกร่ง ดุดัน เล่นลูกกลางอากาศดี และหาช่องยิงในเขตโทษเก่ง
• อัตราการยิง: ฤดูกาลแรก (2022/23) ยิงรวม 15 ประตูในทุกรายการ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในซีซันหลัง ๆ
• ผลต่อราคาบอล: การมีนูเญซในสนามช่วยเพิ่มมิติการโจมตี โดยเฉพาะการเจอทีมที่ตั้งรับลึก ราคาบอลสูง–ต่ำมักขยับขึ้น

หลุยส์ ดิอาซ (Luis Díaz)

• ตำแหน่ง: ปีกซ้าย
• จุดเด่น: ความเร็ว การเลี้ยงแนวรับ และการสร้างจังหวะยิงเองได้
• อัตราการยิง: แม้ไม่ใช่ดาวซัลโวหลัก แต่มีสถิติยิงในเกมใหญ่ เช่น ศึกพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ลีก
• ผลต่อราคาบอล: การมีดิอาซอยู่ในสนามทำให้เกมรุกลิเวอร์พูลมีความหลากหลาย ราคาต่อของทีมมักนิ่งขึ้นเพราะศักยภาพเกมรุกไม่ตก

โคดี้ กัคโป (Cody Gakpo)

• ตำแหน่ง: กองหน้าตัวเป้า / ปีกซ้าย / กองหน้าตัวต่ำ
• จุดเด่น: จบสกอร์คม เล่นได้หลายตำแหน่งแนวรุก และเชื่อมเกมได้ดี
• อัตราการยิง: หลังย้ายมาช่วงต้นปี 2023 ยิงต่อเนื่องทั้งพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลถ้วยในอังกฤษ
• ผลต่อราคาบอล: เมื่อกัคโปอยู่ใน 11 ตัวจริง ราคาตลาดมักมั่นคงขึ้น เพราะเพิ่มความอันตรายและตัวเลือกในแดนหน้า

กองกลาง/กองหลังคนสำคัญ

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van Dijk) – กองหลัง (เซ็นเตอร์แบ็ก)

• จุดเด่น: กัปตันทีม, แข็งแกร่ง, อ่านเกมขาด, เล่นลูกกลางอากาศได้ดี
• บทบาท: หัวใจของแนวรับ, ลิเวอร์พูลมักเสียสมดุลทันทีหากไม่มีเขาลงสนาม

อิบราฮิม่า โกนาเต้ (Ibrahima Konaté) – กองหลัง (เซ็นเตอร์แบ็ก)

• จุดเด่น: แข็งแกร่ง, ดักบอลเร็ว, เล่นเกมเพรสซิ่งสูงได้
• บทบาท: คู่หูสำคัญของฟาน ไดจ์ค, ทำให้แนวรับมีความมั่นคงมากขึ้น

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (Andrew Robertson) – กองหลัง (แบ็กซ้าย)

• จุดเด่น: เติมเกมรุกดี, เปิดบอลแม่นยำ, มีความฟิตวิ่งขึ้นลงตลอด 90 นาที
• บทบาท: เป็นกำลังหลักทางฝั่งซ้าย, สร้างโอกาสเข้าทำได้บ่อยครั้ง

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) – กองหลัง (แบ็กขวา)

• จุดเด่น: เปิดบอลและสร้างสรรค์เกมรุกจากแดนหลังได้ดี
• บทบาท: มีบทบาทกึ่งกองกลางเมื่อทีมครองบอล, ทำให้เกมรุกหลากหลายและอันตราย

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (Alexis Mac Allister) – กองกลางตัวรับ/เชื่อมเกม

• จุดเด่น: คุมจังหวะเกมกลางสนาม, อ่านเกมดี, ผ่านบอลแม่นยำ
• บทบาท: เป็นตัวเชื่อมระหว่างเกมรับกับเกมรุก, เสริมสมดุลแดนกลาง

โดมินิค โซบอสไล (Dominik Szoboszlai) – กองกลางตัวรุก

• จุดเด่น: จ่ายบอลสร้างสรรค์, วิสัยทัศน์ยอดเยี่ยม, ยิงไกลอันตราย
• บทบาท: เพลย์เมกเกอร์หลักที่สามารถสร้างโอกาสและเปลี่ยนเกมรุกให้ลิเวอร์พูลได้

ผู้รักษาประตูและอิทธิพลต่อราคาบอล

อลิสซง เบ็คเกอร์ (Alisson Becker)

• จุดเด่น: ความนิ่ง เซฟจังหวะสำคัญได้ดีเยี่ยม การออกมาตัดบอลและการเล่นด้วยเท้าทำให้ทีมเริ่มเกมบุกได้จากแนวหลัง
• บทบาท: เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมและทีมชาติบราซิล การมีอลิสซงอยู่ในสนามช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับแนวรับและทั้งทีม
• อิทธิพลต่อราคาบอล: หากอลิสซงได้ลงเล่น ราคาต่อของลิเวอร์พูลมักนิ่งและค่าน้ำลดลง เพราะโอกาสเสียประตูน้อยลง หากอลิสซงบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ราคาต่อของลิเวอร์พูลอาจปรับลดลงทันที 0.25–0.5 ลูก เนื่องจากความมั่นใจในเกมรับลดลง

ควิวีน เคลเลเฮอร์ (Caoimhín Kelleher)

• จุดเด่น: เซฟลูกจุดโทษเก่ง มีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว และทำผลงานได้ดีในบอลถ้วย
• บทบาท: ผู้รักษาประตูมือสองของทีม แม้ศักยภาพน้อยกว่าอลิสซง แต่ถือว่าไว้ใจได้เมื่อต้องลงเล่น
• อิทธิพลต่อราคาบอล: เมื่อเคลเลเฮอร์ลงสนาม ราคาบอลอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ตลาดเดิมพันมักประเมินว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสเสียประตูสูงขึ้นเล็กน้อย

อาเดรียน (Adrián)

• จุดเด่น: ประสบการณ์สูง ผ่านเกมระดับพรีเมียร์ลีกและยุโรปมามาก
• บทบาท: มือสามของทีม ใช้เป็นตัวเลือกสำรองในกรณีฉุกเฉิน
• อิทธิพลต่อราคาบอล: หากอาเดรียนถูกส่งลงเล่น ราคาบอลของลิเวอร์พูลมักไหลขึ้นทันที เพราะนักเดิมพันมองว่าทีมมีความเสี่ยงเสียประตูมากขึ้น